ครั้งแรกกับเรือสำราญสัญชาติอิตาลี ถ้าถามว่าเคยไปญี่ปุ่นกับเกาหลีไหม ส่วนมากคงตอบว่าเคย แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกๆครั้งที่เคยไปมา เพราะครั้งนี้ต้องล่องเรือสำราญ!! โอ้โหนี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม พอได้ยินว่าตัวเองได้รับโอกาสแบบนี้ปุ๊บใจมันตุ้มๆต่อมๆขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เคยได้ยินถึงความหรูหราของเรือสำราญมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะเหมือนอย่างที่เค้าร่ำลือกันมาหรือเปล่า คำถามในหัวผุดขึ้นมากมาย มันจะสนุกจริงๆหรอ? อาหารจะถูกปากไหม?ต้องล่องเรืออยู่กลางทะเลทั้งวันทั้งคืนเลยหรอ? แล้วเค้าทำอะไรกันบนเรือทั้งวัน? ไม่เบื่อกันเลยหรือไง? จากคำถามในหัวเหล่านั้นสุดท้ายต้องมาจบลงด้วยการแพคกระเป๋าพร้อมเดินทางซะแล้ว

มาถึงฟุกุโอกะประมาณ08.00น.ตามเวลาท้องถิ่น เหลือเวลาอีกประมาณ4ชั่วโมงที่จะทำการเช็คอินที่ท่าเรือฟุกุโอกะ มีเวลาว่างเลยแวะมาที่ศาลเจ้าคูชิดะ(Kushida-jinja)เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองฟูกุโอกะถ้ามาในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมศาลเจ้าคูชิดะเป็นศูนย์กลางของงานเทศกาลฮากาตะ กิออน(Hakata Gion Festival) ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่สุดของเมืองฟูกุโอกะอีกด้วย ว่าแล้วต้องมาขอพรกันสักหน่อย

เมื่อได้เวลาแล้วต้องรีบกลับมาเช็คอินให้ทันก่อน12.00น.เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่เรือจะแล่นสู่กลางทะเล มาถึงท่าเรือฟุกุโอกะจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับบอกให้เราเตรียมเอกสารต่างๆเพื่อทำการเช็คอิน ส่วนกระเป๋าให้เราวางไว้ตรงนี้เจ้าหน้าที่จะแจกแท็คติดกระเป๋าตามเลขห้องของเราไว้แล้วจะยกไปไว้หน้าห้องให้เราเลย สบายจุงอิอิ

ต่อไปก็เดินตามทางไปเรื่อยๆจะมีป้ายบอกไว้ ขั้นตอนนี้เหมือนที่สนามบินเลย คือมีการสแกนกระเป๋าตรวจหาสิ่งของต้องห้ามที่ห้ามนำขึ้นเรือ

พอผ่านขึ้นตอนตรวจกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาสวัสดีเรือสำราญสักที เห็นเรือครั้งแรกปุ๊บ โหทำไมใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ นี่แค่เรือขนาดกลางนะเนี้ย ว่าแล้วก็รีบสาวเท้าให้ไวมุ่งหน้าขึ้นเรือทันที

พอผ่านขึ้นตอนตรวจกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาสวัสดีเรือสำราญสักที เห็นเรือครั้งแรกปุ๊บ โหทำไมใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ นี่แค่เรือขนาดกลางนะเนี้ย ว่าแล้วก็รีบสาวเท้าให้ไวมุ่งหน้าขึ้นเรือทันที

บนเตียงจะมีเอกสารวางอยู่สำคัญมากควรอ่าน!!
ซ้ายบนสุดจะเป็นแผนที่บนเรือทั้งหมด
อันกลางจะเป็นบัตรcosta card สามารถผูกเข้ากับบัตรเครดิตหรือเติมเป็นเงินสดก็ได้แต่ถ้าเติมเงินสดขั้นต่ำ150ดอลล่า บัตรนี้จะใช้แทนการจ่ายใช้จ่ายซื้อของบนเรือทั้งหมดรวมถึงใช้เปิดห้องพักและการเข้าออกเรืออีกด้วย 
บัตรสีฟ้าอันล่างจะเป็นบัตรห้องอาหารจะมีระบุเลขที่โต๊ะนั่งทานไว้ให้เรียบร้อย
แถวกลางจะเป็น today ในนั้นจะระบุข้อมูลทั่วไปของวันนี้เช่นมีกิจกรรมอะไรบ้างเวลากี่โมงที่ห้องไหนเวลาเท่าไหร่ 
tourคือข้อมูลบนฝั่งที่เราจะเทียบท่าท่านสามารถซื้อทัวร์กับทางเรือหรือว่าจะไปเองก็ได้
ส่วนด้านขวาก็จะเป็นข้อมูลทั่วไปบนเรือ

มุมนี้ไว้นั่งดูโทรทัศน์แต่ไม่เคยเปิดดูเลยเพราะไปทำกิจกรรมอย่างอื่นมากกว่า อิอิ ข้างบนจะเป็นเสื้อชูชีพ มีเลขระบุไว้อย่างเช่น A คือตอนบ่าย3โมงทางเรือจะประกาศให้ทุกคนไปรวมตัวกันยังจุดนัดหมายคือจุด Aเพื่อซักซ้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉินบนเรือ เราก็นำเสื้อชูชีพนี้ไปยังจุดรวมพลได้เลย

สำรวจห้องพักเสร็จมีเวลาเหลือนิดหน่อยก่อนที่ทางเรือจะประกาศเรียกให้ไปซักซ้อม เลยแวะมาสูดบรรยากาศบนชั้น11สักหน่อย ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำและบาร์ไว้คอยบริการอยู่ ว่าแล้วก็ขอนอนอาบแดดนิดนึง

เตียงนอนอาบแดดปกติจะเต็มหมดเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวต้องการที่จะมาพักผ่อนให้อารมณ์เหมือนอยู่ทะเลอย่างแท้จริง

และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ชั่วโมง dinner ของหมวยเอง สวรรค์ของหมวยชัดๆ ณ ห้องอาหาร Botticelli restaurant อาหารอิตาลีวางเรียงกันเต็มไปหมด แต่ละวันอาหารจะไม่ซ้ำกันเลย เรียกได้ว่าไม่มีเบื่อแน่นอน เมนูไหนอร่อยสามารถสั่งเบิ้ลได้เลยเพราะห้องอาหารนี้ทานฟรีจ้า หวานปากจริงๆ

ปิดท้ายวันนี้ไปด้วย white party เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน แต่ด้วยความเพลียของหมวยเองเลยได้แค่เดินมองผ่านๆ ผ่านไปจนถึงห้องพักและขอตัวไปพักผ่อนเพราะวันพรุ่งนี้มีซื้อทัวร์ไปเที่ยว เก็บแรงเอาไว้ สำหรับวันนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่า