ตะลุยเมืองอสูรน้อยคิทาโร่
เช้าวันที่7กรกฎาคม2560 เรือเทียบท่าจอด ณ เมืองซาไกมินาโตะ จังหวัดโทตโตะริ ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศญี่ปุ่น และแล้วทัวร์วันสุดท้ายในญี่ปุ่นก็มาถึง เห้อใจหายจัง แต่ไม่เป็นไรรอบหน้าค่อยมาอีก(หวังว่าบอสจะมาเห็น)555555 สำหรับทัวร์วันนี้แทบจะไม่ต้องวางแพลนอะไรเลย เพราะหมวยตั้งใจจะมุ่งหน้าไปสู่ถนนซาไกมินาโตะ หรือที่เรียกกันว่าเมืองอสูรน้อยคิทาโร่ หุหุ คอการ์ตูนห้ามพลาดเด็ดขาด ว่าแล้วก็อาบน้ำแต่งตัวลงไปทานข้าวที่ห้องบุฟเฟ่ต์พร้อมลุยดีกว่า และอีกเช่นเคย วันนี้เรายังคงไม่ซื้อShore Excursions หรือที่เรียกกันว่าทัวร์บนฝั่ง ไปเองเลยจ้า งบน้อยเที่ยวได้จุใจ สไตล์หมวยเอง เริ่มจากโบกแท็กซี่ท้องถิ่นก่อนเลยแล้วบอกจุดหมายปลายทางที่จะไป ตกลงกันในราคา1400เยน ใช้เวลาเพียง15นาทีจากท่าเรือมาถึงถนนซาไกมินาโตะแห่งนี้ วินาทีแห่งความน่ากลัวกำลังจะเริ่มต้นขึ้น โปรดติดตามชมตอนต่อไป
และแล้วเราก็มาถึงกันที่เมืองแห่งอสูรน้อยคิทาโร่กัน หลังจากที่ก้าวขาลงจากรถแท็กซี่ก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง จู่ๆขนแขนก็พร้อมใจกันลุกเกรียวไปทั้งตัว ไม่ได้ปวดท้องแต่อย่างใด555 จนพี่ๆร่วมทริปถึงกับตกใจกันยกใหญ่ แต่อาจจะเป็นเพราะความตื่นเต้นก็เป็นได้
จุดนี้จะเป็นเหล่าบรรดาผีตัวละครในเรื่องมาพร้อมกับไม้ไผ่เป็นการละเล่นพื้นบ้านในวัยเด็กนั่นเอง ใครไม่เคยเล่นพลาดความสนุกในวัยเด็กมากเลยคะ
จุดนี้เป็นการจำลองโต๊ะทำงานของอาจารย์มาพร้อมกับ ตัวซ้ายเจ้าหนูผีตัวเหลืองและตัวขวาพระเอกของเรื่องชื่อคิทาโร่นั่นเอง
ประวัติคร่าวของอาจารย์ชิเงรุ มิซึกิ ท่านเกิดที่เมืองซาไกมินาโตะแห่งนี้ ในสมัยเด็กอาจารย์ชอบไปเล่นข้างบ้านซึ่งเป็นบ้านของยายนงนงหญิงวัยชราใจดี ยายนงนงมักจะชอบเล่านิทานเกี่ยวกับเรื่องภูตผีปีศาจทั้งหลายให้อาจารย์ฟังอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นรงบันดารใจให้อาจารย์สร้างผลงานชิ้นเอกเรื่องนี้ขึ้นมา พออย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอาจารย์ถูกเกณฑ์ทหารและถูกส่งตัวออกรบที่เกาะนิวบริเทน ปาปัวนิวกีนี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 และจากเหตุการณ์นี้เองทำให้อาจารย์ได้เสียแขนข้างซ้ายจากสะเก็ดระเบิด จริงๆแล้วอาจารย์ถนัดเขียนข้างซ้ายแต่เนื่องจากเสียแขนซ้ายไปจึงต้องหัดวาดการ์ตูนด้วยแขนข้างขวาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ถัดมาจะเป็นเจ้าคิทาโร่นั่งอยู่บนตู้ไปรษณีย์ น่ารักมากๆแทบอยากจะแบกกลับบ้านกันเลยทีเดียวเชียว
หลังจากที่รอพี่ๆอีกคันนึงตามมา ก็ขอตัวหลบร้อนมากินไอศกรีมของโปรดสักหน่อย เนื่องจากสภาพอากาศวันนี้เรียกได้ว่าชุ่มฉ่ำกันแน่นอน กันแดดที่พอกมาอย่างหนาก็ไม่ได้คิดว่าจะช่วยอะไรได้สักเท่าไหร่ แสบๆคันๆผิวกันไปคะงานนี้
ถัดมาอีกนิดจะเป็นรูปปั้นของอาจารย์กับภรรยาสุดที่รักของเค้า หมวยขอแอบงอนอาจารย์นิดนึงเพราะอาจารย์วาดรูปการ์ตูนภรรยาของเค้าใบหน้ารูปไข่ยาวเกินจริง5555 ในรูปถ่ายภรรยาของอาจารย์น่ารักมากๆดูสุภาพและใจดีที่สำคัญสวยด้วยแหละ
ระหว่างสองข้างทางถนนจะมีตัวละครผีในเรื่องยืนรอต้อนรับกันอย่างอุ่นหนาฝาครั่งกันเลยทีเดียว
ฝาปิดท่อน้ำยังเป็นรูปปีศาจน้อยเลย ไม่พลาดที่จะเก็บรูปมาฝาก ขออภัยในความไม่สุภาพ
ถึงแล้วพิพิธภัณฑ์ของอาจารย์ชิเงรุ
■ อัตราค่าบริการ
☆ ผู้ใหญ่ 300 เยน
☆ เด็กมัธยมปลาย-มัธยมต้น 200 เยน
☆ เด็กประถม 100 เยน
■ เปิดให้บริการ
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9:30 - 17:00 น. (ฤดูร้อน เปิดถึง 18:00 น.)
* เข้าได้ถึงก่อนเวลาปิดให้บริการ 30 นาที
เปิดประตูเข้ามาก็จะเจออาจารย์กับคิทาโร่ยืนต้อนรับอยู่ ไม่พลาดที่จะแชะภาพร่วมกัน แต่แล้วความขนลุกก็ยังมีมาอย่างต่อเนื่อง ขนแขนสะแตนอัพไม่ยอมหยุด ยิ่งเข้ามาในนี้ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ว่าแล้วก็ซื้อตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์กัน เจ้าหน้าที่จะแจ้งเครื่องบรรยายแบบหูฟังให้เรา จะมีทั้งภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ ถ้าเราเดินไปจุดไหนจะมีตัวเลขติดอยู่ก็ให้เรากดปุ่มที่หน้าจอตามตัวเลข ก็จะมีเสียงอธิบายแต่ละจุดให้ฟังกัน
ผลงานของอาจารย์ตรงทางขึ้นบันได เคลือบด้วยกระจกใส ป้องกันความเสียหาย บางจุดในพิพิธภัณฑ์เค้าจะห้ามถ่ายรูปมีป้ายแจ้งไว้อย่างชัดเจน
บ้านผีของเหล่าอสูรน้อยทั้งหลาย
ก่อนที่เราจะออกจากพิพิธภัณฑ์เราจะเจอกับสวนญี่ปุ่น ต้นไม้สวยมาก
ออกจากพิพิธภัณฑ์มาหาอะไรลงท้องสักหน่อย โห นุ่มลิ้นมากๆ ให้เต็ม10ไปเลย เจ้าของร้านเป็นคนไต้หวันแต่ทำอาหารญี่ปุ่นได้ดีเลย
ร้านเหล้า ตกแต่งน่ารักมาก
และแล้วเราก้ได้เวลากลับกัน ยังสนุกอยู่เลย
มาถึงท่าเรือมีจัดการแสดงเล็กๆต้อนรับพวกเราด้วย ประทับใจมาก
หลังจากเดินเหนื่อยมาทั้งวันขอหลบมานั่งดริ้งเบาๆริมสระน้ำ รับลมเย็นๆ
ปิดท้ายไปด้วยรูปของพระเอกของเรา นั่งทำหน้าจ๋อยเชียว ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก ลาก่อนนะคิทาโร่